ท่อ PPR มีหลากหลายขนาดมีตั้งแต่ขนาดและเส้นผ่าศูนย์กลาง ตั้งแต่ 20 มม (1/2 นิ้ว) จนถึง 110 มม (4 นิ้ว) ความยาวมาตรฐานท่อนละ 4 เมตร การใช้ท่อ PPR แต่ละขนาดขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภา โดยปรกติท่อ PP-R 1 ท่อนจะมีความยาว 4 เมตร มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 50 ปี เชื่อมต่อกันโดยความร้อน ต้องใช้เครื่องเชื่อมโดยเฉพาะ มีทั้งให้เช่าและซื้อขาด หากเชื่อมโดยถูกวิธี โอกาสที่จะรั่วซึมจะมีน้อยมาก ยกเว้นผู้อาศัยมีการต่อเติมเจาะกำแพงแล้วมีโดนท่อ ซึ่งอาจทำให้ท่อมีรูรั่วได้
ท่อ PPR (PP-R ย่อมาจาก Polypropylene Random Copolymer)
คือพลาสติกประเภทโพลีโพรไพลีน มีการจัดเรียงตัว แบบไม่เจาะจง ทำให้ได้คุณสมบัติทางเคมีและกายภาพที่ดีขึ้น เหมาะสมสำหรับการใช้งานระบบท่อน้ำประปา ท่อน้ำร้อน ท่อน้ำเย็น สำหรับที่อยู่อาศัยนั้น ท่อPP-R ท่อสีเขียว นิยมใช้สำหรับการวางท่อน้ำดีทั้งน้ำในอุณหภูมิปกติและน้ำร้อนสำหรับต่อจากเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อน (เวลาซื้อต้องสังเกตุให้ดี ท่อสำหรับน้ำร้อนจะต้องมีเส้นคาดสีแดงที่ท่อเป็นส่วนมาก)
สาเหตุที่ที่อยู่อาศัยขนาดเล็กไม่นิยมใช้ท่อ PP-R ในการเดินน้ำทิ้งเนื่องจากหากเทียบกับท่อ PVC ซึ่งนิยมใช้ในการเดินน้ำเสีย ท่อ PP-R ยังมีความยากในการติดตั้งมากกว่า รวมไปถึงราคาที่ยังสูงกว่าเมื่อเป็นท่อเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดมากกว่า 2″ อีกทั้งคุณสมบัติของท่อ PVC สำหรับการใช้งานท่อน้ำทิ้ง(ไม่มีแรงดันในท่อ)ยังคงเพียงพอ
อุปกรณ์ข้อต่อมีมากมาย ครบถ้วนทุกความต้องการใช้งาน สิ่งที่ผู้ใช้ควรระวังเวลาเชื่อมต่อท่อคือระยะเวลาในการให้ความร้อน โดยปกติแล้วบนเส้นท่อจะมีระยะเวลาในการให้ความร้อนอยู่ ซึงมีหน่วยเป็นวินาที จำนวนวินาทีนี้ให้เริ่มนับจากเวลาที่เราดันท่อเข้าไปสุดอุปกรณ์เชื่อมแล้ว หากเชื่อมนานเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตันได้ ส่งผลให้น้ำไหลผ่านได้น้อย และเวลาดันท่อและข้อต่อเข้าด้วยกัน ไม่ควรหมุน ควรดันเข้าหากันตรงๆ
การใช้งาน
ระบบท่อน้ำดี เพื่อการอุปโภค และ บริโภค
ระบบท่อน้ำร้อน
ระบบท่อในโรงงานอุตสาหกรรม
ระบบท่อสำหรับน้ำกลั่น น้ำกรอง และน้ำแร่
ระบบท่อให้ความร้อนสำหรับพื้น
ระบบท่อน้ำฝน
ระบบท่อลม แรงดันสูง
ระบบท่อน้ำสำหรับสระว่ายน้ำ
ระบบท่อน้ำเพื่อการเกษตร
ระบบท่อน้ำเย็นในอาคาร
ท่อ PPR ท่อพีพีอาร์ เป็นท่อสีเขียว หรือ Polypropylene Random Copolymer (PPR) โดยที่คนส่วนมากมักจะใช้ท่อ PPR เพื่อเดินน้ำร้อนและน้ำอุ่นในอาคาร โดยที่ท่อ PPR จะมีขายอยู่สองรูปแบบก็คือท่อ PPR แบบ PN10 และ PN20 ซึ่งตัวPN ก็คือตัวบอกว่าท่อสามารถรับแรงดันน้ำได้เท่าไรนั่นเอง
ท่อ PPR PN10 = รับความดันได้ 10 บาร์ และเหมาะกับน้ำอุ่นน้ำเย็น
ท่อ PPR PN20 = รับความดันได้ 20 บาร์ และเหมาะกับน้ำร้อน
ท่อ PPR ท่อ พีพีอาร์ นวัตกรรมชั้นสูง ที่ออกแบบมาสำหรับน้ำร้อน
มีค่าระดับมาตรฐาน SDR6 PN20 ชนิดใช้กับน้ำร้อน ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-95 องศา โดยมีความหนาสูง ถึง 21.9 มม
ประเภทท่อ PP-R
ท่อพีพีอาร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR11 PN10 ชนิดใช้กับน้ำอุ่น ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-60 องศา
2.ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR6 PN20 ชนิดใช้กับน้ำร้อน ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-95 องศา
หมายเหตุ
1.SDR (Standard Dimension Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ต่อความหนาท่อ
2.PN คือ ชั้นความดัน
ตัวเลขบนท่อบอกอะไร?
ท่อ PP-R เป็นท่อสำหรับงานระบบประปาน้ำอุ่น และประปาน้ำร้อน เหมาะสำหรับงานประปาภายในอาคาร เป็นท่อน้ำร้อน ท่อน้ำอุ่น ท่อสารเคมี ภายในอาคาร บ้าน โรงพยาบาล โรงแรม รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และหน่วยงานที่ต้องการความคงทนถาวรของท่อ หรืออาคารเพื่อการอยู่อาศัยระยะยาว ก่อนจะใช้งานควรทราบข้อมูลหรืองานที่จะนำไปใช้เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เช่น งานระบบน้ำร้อนควรใช้กับท่อคาดแดง ซึ่งมีไฟเบอร์เสริมความยึดหยุ่น เป็นต้น โดยขท่อ PP-R มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ตั้งแต่ 1/2 นิ้ว จนถึง 6 นิ้ว และบางแบรนด์ผลิตจนถึงขนาด 12 นิ้ว และมีความยาวมาตรฐาน อยู่ที่ 4 เมตร หากเราทราบขนาดและประเภทจะทำให้เราใช้งานท่อได้ถูกกับงาน
สั่งซื้อได้ที่ไหนบ้าง
ขั้นตอน การสั่งซื้อท่อพีวีซี และข้อต่อท่อพีวีซี
· โทร.063-686-2900 / 083-992-5999 หรือ @ Line : @hdpipethai พร้อมแจ้งความต้องการใช้ข้อต่อตรง ท่อ ขนาด และจำนวนการใช้ พร้อมสถานที่จัดส่ง
· พนักงานขายเสนอราคา ให้คำปรึกษาการใช้งาน พร้อมลูกค้าสามารถชำระเงิน เข้าบัญชีบริษัทฯ
· ลูกค้ารอรับสินค้า เพื่อใช้งานตามเวลาที่กำหนด
สามารถ คลิกลงตะกร้า จากเว็บไซต์ มีจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์การเกษตร ไม่ว่าจะเป็นท่อ อุปกรณ์ข้อต่อต่างๆ ที่ HD PipeThai เรามีจำหน่าย ครบ จบที่เดียว